เมื่อเรื่องถึงโซลูชันสำหรับอีคอมเมิร์ซ อาจเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจเลือกโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ ทั้ง Shopify และ Magento (Adobe Commerce) นั้นมีความสามารถและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่ก็มีความแตกต่างกันในด้านความสามารถในการทำงานและการขยายตัวของระบบด้วย ในบทความนี้ เราจะมาดูและเปรียบเทียบกันว่า Shopify กับ Magento (Adobe Commerce) นั้นแตกต่างกันอย่างไร
เริ่มต้นด้วย Shopify ซึ่งเป็นโซลูชันบนคลาวด์ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน เนื่องจากไม่ต้องใช้ความพยายามในการตั้งค่ามากนัก ตัวอย่างเช่น การโฮสติ้งและการบำรุงรักษาเว็บไซต์นั้นรวมอยู่ในแพ็กเกจการสมัคร ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของร้านค้าออนไลน์ของคุณ
Shopify มีฟีเจอร์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ด้วยเครื่องมือสร้างเว็บไซต์แบบลากและวาง คุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรมใดๆ เพื่อปรับแต่งโครงสร้างของหน้าเว็บ ฟังก์ชันที่มีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือการส่งอีเมล์อัตโนมัติถึงลูกค้าที่ยกเลิกรถเข็นก่อนที่จะทำการซื้อ นอกจากนี้ Shopify ยังทำความร่วมมือกับบริษัทขนส่งชั้นนำ ซึ่งทำให้กระบวนการจัดส่งผลิตภัณฑ์ของคุณง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Shopify ยังมีระบบการชำระเงินที่รวมอยู่แล้ว เช่น PayPal, Amazon Pay, และ Apple Pay อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ให้บริการเหล่านี้ Shopify จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมระหว่าง 0.5% ถึง 2.0% หากต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม คุณสามารถใช้บริการชำระเงินของ Shopify เองที่เรียกว่า Shopify Payments ได้
Gymshark ดำเนินการโดย Shopify
เมื่อพูดถึงตัวเลือกการออกแบบ คุณสามารถเลือกจากธีมได้หลากหลายเพื่อกำหนดลักษณะและบรรยากาศของร้านค้าออนไลน์ของคุณ ถึงแม้จะมีธีมที่ฟรีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ต้องซื้อแยกต่างหาก Shopify ที่ใช้งานง่ายก็มีข้อจำกัดด้านการออกแบบบางอย่าง นั่นเป็นเพราะ Source code ต้นฉบับไม่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะบุคคลได้ ถึงแม้คุณสามารถอัปโหลดข้อความและรูปภาพของคุณเอง แต่ร้านค้า Shopify มักจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ทำให้เสียความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ธุรกิจของคุณ ความสามารถในการปรับแต่งที่จำกัดเสียมากขึ้นยังส่งผลกระทบต่อการปรับปรุง SEO ของร้านค้าออนไลน์ของคุณ เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้าง URL ได้ อย่างไรก็ตาม Shopify ยังมีเครื่องมือ SEO หลากหลายเพื่อช่วยสนับสนุนในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณออนไลน์
ยืนยันว่า Shopify เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณกำลังมองหาร้านค้าออนไลน์ที่ใช้งานง่าย ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเน้นความสำคัญในธุรกิจประจำวันของคุณ พร้อมทั้งให้ประโยชน์จากกระบวนการอัตโนมัติและคุณลักษณะที่พัฒนามาแล้วล่วงหน้า
เรามาดูเกี่ยวกับ Magento กันบ้าง ให้เข้าใจตรงกันว่าในขณะที่ Magento Open-source เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบโอเพ่นซอร์สที่สามารถใช้งานฟรี ส่วน Magento Commerce คือเวอร์ชั่นพรีเมี่ยมที่ต้องชำระเงิน ซึ่งถือครองโดย Adobe ตั้งแต่ปี 2018
ในการตั้งค่าร้านค้าออนไลน์ Magento จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ PHP และ MySQL ถึงแม้ว่า Magento จะมีส่วนขยายที่พัฒนาไว้ล่วงหน้าจำนวนมาก แต่อาจจำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนในระดับหนึ่งเพื่อปรับฟังก์ชันการทำงานให้เข้ากับความต้องการของคุณ ในทางเดียวกัน การบำรุงรักษาร้านต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่อาจเป็นข้อยากสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นอีคอมเมิร์ซ ตัวอย่างเช่น Magento Ecommerce 2.3 เพิ่งถึงจุดสิ้นสุดการให้บริการ (EOL) ซึ่งหมายความว่า Adobe จะไม่ได้ให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่ร้านค้าออนไลน์ที่เป็นเวอร์ชั่นเก่าอีกต่อไป จึงแนะนำให้เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น 2.4 จะดีกว่า
Nespresso ดำเนินการโดย Magento
Magento ขาดตัวแก้ไขแบบลากและวาง ซึ่งทำให้กระบวนการออกแบบร้านค้าออนไลน์ไม่ง่ายอย่างที่คิด หากคุณยินดีที่จะทำงานร่วมกับทีมโปรแกรมเมอร์และนักออกแบบมืออาชีพ คุณจะได้รับการออกแบบร้านค้าออนไลน์ที่ปรับแต่งได้ตรงตามความต้องการของคุณ ที่ W4 เราให้บริการออกแบบและพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์โดยตรง
ในขณะเดียวกัน Adobe ยังมีฟังก์ชันหลักที่มีเอกลักษณ์หลากหลาย แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอการจัดการผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ที่ช่วยให้สามารถเพิ่มและแก้ไขผลิตภัณฑ์ได้อย่างง่ายดาย แต่ Magento ยังช่วยให้คุณสามารถจัดการร้านค้าหลายแห่งจาก Interface เดียว ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถรวมร้านค้าออนไลน์ของคุณเข้ากับตลาดออนไลน์เช่น eBay และรวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดียอีกด้วย การรองรับหลายภาษาและสกุลเงินหลากหลายเป็นข้อดีอีกประการหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศ นอกจากนั้นโซลูชันอีคอมเมิร์ซนี้ยังมีเครื่องมือทางการตลาดในตัว เช่น คูปองและโค้ดโปรโมชั่นลดราคาที่ช่วยส่งเสริมการขายของร้านค้าของคุณภายในตัว
ในเรื่องของตัวเลือกการชำระเงิน Magento นำเสนอการร่วมมือกับแพลตฟอร์มจากบุคคลที่สาม เช่น PayPal, Klarna และ Amazon Pay อย่างไรก็ตาม Magento ยังไม่มีวิธีการชำระเงินเป็นของตัวเอง ถึงอย่างนั้นคุณจะได้รับประโยชน์จากศักยภาพ SEO ที่ไม่จำกัด เนื่องจากคุณสามารถสร้าง URL ที่เป็นมิตรกับ SEO และเพิ่ม Meta tag นอกจากนี้ยังสามารถสร้างและปรับแต่งชื่อเรื่องของหน้าเว็บได้อย่างอิสระอีกด้วย
สรุปได้ว่า แม้ว่า Magento Commerce จะมีราคาแพงกว่าและต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรม อีคอมเมิร์ซตัวนี้ช่วยให้คุณสามารถสร้างการออกแบบและเลือกฟังก์ชันการทำงานเพื่อให้ตรงตามความต้องการของรายบุคคลได้ ซึ่งนำไปสู่ประสบการณ์ของลูกค้าที่ไม่เหมือนใคร ทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด
โดยรวมแล้ว ทั้ง Shopify และ Magento นำเสนอโซลูชันอีคอมเมิร์ซที่มีคุณภาพที่สามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จได้แตกต่างกัน สำหรับผู้กำลังเริ่มต้น Shopify เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากการติดตั้งและใช้งานที่ง่าย ในขณะที่ Magento เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันที่มีความสามารถและสามารถปรับขยายได้ตามความต้องการ ในที่สุดแล้วโซลูชันอีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณจะขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะ ขนาดของธุรกิจ และงบประมาณที่คุณพร้อมจะลงทุน
นัดหมายเพื่อปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อรับคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย! เราทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาโซลูชันอีคอมเมิร์ซที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
หรือหากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ดาวน์โหลดฟรี! Whitepaper